ธรรมชาติบำบัด และ ๓ นักธรรมชาติบำบัด ชื่อดังของโลก

ชีวิต คือ ธรรมชาติ ธรรมชาติ คือ ครรลองที่ควรจะเป็นของทุกชีวิต บนโลกสีฟ้าๆใบนี้ ทุกสรรพสิ่งมีเส้นทางตามที่ธรรมชาติกำหนดไว้ ทุกชีวิตอยู่อย่างพึ่งพากัน ยึดโยงกันจนเป็นเกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่า “ธรรมชาติ” ถ้าเข้าใจ “ธรรมชาติ” และ ปฏิบัติตัวสอดคล้องกับ “ธรรมชาติ” ของเรา ชีวิตเราก็จะดำรงอยู่ได้อย่างปกติสุข มีคุณภาพของชีวิตที่ดี แข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย ตรงกันข้ามถ้าเราปฏิบัติตัว ผิดไปจาก “ธรรมชาติ” ของเรา กลายเป็นพฤติกรรมที่ “ผิดธรรมชาติ” ธรรมชาติก็จะลงโทษเราทำให้เจ็บป่วย อ่อนแอ และลงท้ายด้วยการเสียชีวิต ไปในที่สุด นั่นเพราะเราเป็นส่วนเกินของธรรมชาติ ทำตัวไม่สอดคล้องกับธรรมชาติ ที่ล้วนแต่ดำเนินไปในเส้นทางแห่งธรรมชาติที่เป็นเส้นทางเดียวกัน กลไกของธรรมชาติก็จะทำลายเราลงไป
ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยวิถีทาง “ธรรมชาติบำบัด” ที่มีชื่อเสียงของโลก คือ ดร.ทอม อู๋ และ ของไทย คือ นายแพทย์บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ ทั้งสองท่านต่างก็ล้วนได้รับแรงบันดาลใจ จากการที่ตัวเองที่เป็นนายแพทย์ทั้งสองท่าน ต่างก็ต้องกลายสภาพจากนายแพทย์ เป็นผู้ป่วย ด้วยกันทั้งสองท่าน โดยที่ ดร.ทอม อู๋ ป่วยจากอาการมะเร็งที่ปอดในระยะที่สาม และ นายแพทย์บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ ก็กลายเป็นผู้ป่วยด้วยโรค ต่างๆพร้อมๆกันถึงหกโรค จึงเป็นตัวอย่างที่ดีแสดงให้เราเห็นว่า นายแพทย์เองก็กลายเป็นผู้ป่วยได้เช่นกัน

ดร.ทอม อู๋ นั้นทำคัมภีร์ใบเบิ้ลตก แล้วหน้าหนังสือที่เปิดคว่ำหน้าอยู่กับพื้นนั้นเปิดอยู่ตรงหน้าที่มีข้อความว่า พระเจ้าสร้างอีฟกับอดัม และตรัสให้มนุษย์คู่แรกของโลกว่า “ดูสิ ดอกไม้ หญ้าและผักที่มีเมล็ดบนดิน กับผลไม้ที่มีเมล็ดบนต้น ทั้งหมดนี่คืออาหารของเจ้า” เป็นจุดเปลี่ยนที่ ดร.ทอม อู๋ หันมาละเลิกเนื้อสัตว์ หันมากินผักและผลไม้ คิดค้นสูตรน้ำผักขึ้นมาให้เหมาะสมกับการใช้ในโรคต่างๆมากมาย

ส่วนคุณหมอบุญชัย ก็เช่นกัน เมื่อพบอาการผิดปกติของร่างกายตัวเอง ก็พยายามคิดค้นหาทางแก้ไข ด้วยการที่เป็นหมอระดับเป็นเจ้าของผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลด้วยตัวเอง ท่านพบเห็นและผ่านประสบการณ์ทางการรักษาโรคภัยไข้เจ็บมาตลอดชีวิต เห็นภาพปลายทางของการรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบันได้อย่างชัดเจน ท่านเห็นว่าการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ที่มักแก้ปัญหาเก่าลงไปได้ แต่ผลข้างเคียงคือเป็นตัวก่อให้เกิดปัญหาใหม่ๆเข้ามาแทน ที่บางครั้งอาจจะหนักหนาสาหัสกว่าปัญหาเก่าที่แก้ไปแล้ว ท่านเลยยูเทิร์น กลับรถเลือกเส้นทาง “ธรรมชาติบำบัด” มาแก้ไขปัญหาโรคภัยไข้เจ็บของตัวเองทั้งสองท่าน
และ ต่างก็ประสบความสำเร็จด้วยดีทั้งสองท่าน ดร.ทอม อู๋ ได้หายขาดจากโรคมะเร็งระยะที่สาม นายแพทย์บุญชัยก็สามารถพิชิตโรคร้าย หกโรคได้ภายในระยะเวลาเพียง สี่เดือน มีชีวิตยืนยาวต่อไปได้เผยแพร่แนวคิดในการใช้แนวทาง ธรรมชาติบำบัด รักษาโรคให้กับผู้ป่วยอื่นๆนับหมื่นนับแสนราย

ยังมีนัก ธรรมชาติบำบัด อีกท่านหนึ่ง ซึ่งใช้วิธีการธรรมชาติบำบัด มาก่อนใครอาจจะเรียกได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกวงการของ ธรรมชาติบำบัด เลยก็ว่าได้ ท่านคือ นายแพทย์ แม็กซ์ เกอร์สัน ท่านเป็นชาวเยอรมัน เชื้อสายยิว เกิดราวปี ค.ศ. 1881 ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งใกล้เมืองมิวนิค นครที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของเยอรมัน เมื่อเติบโตเป็นหนุ่มใหญ่ เขามีความใฝ่ฝันอยากจะเรียนหมอ จึงได้ไปสมัครสอบเข้าเรียนแพทย์ในมหาวิทยาลัยเบรสเลาในประเทศเยอรมัน ท่านสามารถศึกษาเล่าเรียนจนสำเร็จ และได้รับปริญญาแพทย์บัณฑิตในปี ค.ศ. 1906 ซึ่งขณะนั้นเขามีอายุ 25 ปี เมื่อปีค.ศ. 1929 แมกซ์ เกอร์สันได้รับการเชิดชูเกียรติจากแพทย์สภาแห่งเยอรมัน ให้เป็นนายแพทย์ดีเด่นในฐานะที่เขาเป็นแพทย์คนแรกของโลก ที่สามารถรักษาวัณโรคผิวหนังได้เป็นผลสำเร็จอย่างงดงามเขาประกาศว่า วัณโรคเป็นโรคที่ทำร้ายชีวิตของมนุษย์ให้ตายได้ ไม่ว่าจะเป็นในบริเวณใดของร่างกาย แต่เขาก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการให้อาหารเป็นยา และให้คนป่วยปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดในการควบคุมอาหาร จากภัยในสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้มีเชื้อสายยิวจำนวนมากต้องอพยพลี้ภัยเข้าไปอยู่ในประเทศอเมริกา อันเป็นดินแดนที่เกอร์สัน เริ่มเผยแพร่แนวคิดการ ใช้อาหารเป็นยามารักษาคนไข้โรคปอดและมะเร็งในสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1940 แมกซ์ เกอร์สันจึงได้รับการขนานนามใหม่จากแพทย์สภาว่า “แพทย์นอกคอก” (Conventional Medicine) เพราะเขาไม่รักษาคนไข้ตามวิธีของแพทย์แผนปัจจุบัน ที่นิยมใช้การผ่าตัด ฉายแสง หรือฉีดคีโมเหมือนแพทย์โดยทั่วไป
ต่อมาในราวปี ค.ศ. 1958 เขาจึงถูกยึดใบประกอบโรคศิลป์จากแพทย์สภาอเมริกันเป็นเวลา 2 ปี เพราะเขารักษาคนไข้ด้วยธรรมชาติบำบัด ที่ทางการแพทย์แผนปัจจุบันไม่ให้การรับรอง อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้นเล็กน้อย พวกคนไข้ที่เคยได้รับการรักษาจากแมกซ์ เกอร์สัน จนหายเป็นปรกติได้ร่วมกันลงชื่อและร้องเรียนต่อกรรมาธิการสภาคองเกรส เพื่อให้ร่วมกันพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือแมกซ์ เกอร์สัน ในด้านการให้ทุนวิจัย เพื่อให้ศึกษาค้นคว้าการบำบัดมะเร็งโดยวิธีธรรมชาติ แต่จนแล้วจนรอด เรื่องที่ส่งไปก็เงียบไปอย่างไร้ร่องรอยจนถึงทุกวันนี้ จากหลักฐานที่ปรากฏ ในปี ค.ศ. 1947 แมกซ์ เกอร์สันได้รักษาคนไข้มะเร็งตามระเบียบปฏิบัติทางการแพทย์แผนปัจจุบัน การจดบันทึกการรักษา การฉายเอกซเรย์ การผ่าชิ้นเนื้อเพื่อตรวจสอบ และการรายงานผลการรักษาคนไข้มะเร็ง 50 ราย ที่หายป่วยจากมะเร็งอย่างเด็ดขาด นายแพทย์แมกซ์ เกอร์สันกล่าวไว้ว่า “พยายามใช้ชีวิตอยู่อย่างธรรมชาติให้มากที่สุดดีที่สุด เพราะจะเป็นเกราะป้องกันที่ดีสำหรับทุกๆ คน” เพราะเขาเชื่อว่าโรคต่างๆ นั้นมาจากการใช้ชีวิตของแต่ละคน สารพิษที่แต่ละคนค่อยๆ สะสมเข้าไปในร่างกาย อาหารที่ไม่ได้คุณภาพ น้ำที่ดื่ม และอากาศที่หายใจเข้าไปมีการปนเปื้อน แนวคิดของ นักธรรมชาติบำบัด ที่กล่าวมาทั้งสามท่านมีแนวคิดทางการรักษาคล้ายๆกันคือ การใช้อาหารเป็นยาควบคู่ไปกับ
การเสริมภูมิร่างกายให้สามารถต้านทานโรคต่างๆ ได้ ซึ่งจะเป็นการรักษาโรคได้ถึงต้นเหตุจุดกำเนิดที่ก่อให้เกิดโรค แต่ถ้าใครสนใจจะดูแลรักษาตัวเองตามแนวทางธรรมชาติบำบัด ท่านนายแพทย์ แม็ก เกอร์สัน เสียชีวิตไปนานแล้ว ยังคงเหลือแต่การรักษาในแนวทางของท่านที่สถาบันเกอร์สัน ซึ่งต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไป ที่สถาบันเกอร์สันที่อเมริกา เสียค่าเครื่องบิน เสียเวลาเดินทางแล้ว ก็มีค่าใช่จ่ายในการรักษาตัวที่สถาบันเกอร์สันอีก สัปดาห์ละ ๗,๐๐๐ (ยูเอสดอลล่าห์) ส่วน ดร.ทอม อู๋ ก็เป็นนักบรรยายคิวทอง ที่เดินสายบรรยายไปทั่วโลกหาเวลาว่างไม่ค่อยจะได้
ท่านสุดท้ายที่พอจะเข้าพบ ปรึกษาหารือจับเข่าคุยกันตัวเป็นๆได้ ก็เหลือแต่ คุณหมอบุญชัย เรานี่แหละครับ เราตอนนี้เป็นถือว่าผู้นำด้านการเป็น ศูนย์ธรรมชาติบำบัด ถ้าท่านไม่เชื่อลองเสิร์ทคำว่า ศูนย์ธรรมชาติบำบัด ที่ google.com ดูได้ จะเจอ ศูนย์ธรรมชาติบำบัดเวลเนสแคร์ อยู่เป็นรายแรก มาที่ศูนย์นี้ก็จะพบกับคุณหมอบุญชัย นั่งตรวจโรคอยู่ในห้องตรวจโรค เพื่อรับประกันความผิดหวังเนื่องจากคุณหมอบุญชัย ถึงท่านจะยังไม่ระดับโลก แต่ท่านก็ระดับอาเซี่ยน ลูกศิษย์ลูกหาและคนไข้ ในอาเซี่ยน ก็มีเกือบครบทุกชาติ มีคิวทองโปรแกรมแน่นยิ่งกว่าสายัญ สัญญาสมัยรุ่งๆ เหมือนกัน
ดังนั้นควรโทรนัดก่อนได้ที่ หมายเลข 035-249500 ครับ.