5 วิธีการในการกำจัด Virus COVID-19

1. ภูมิคุ้มกันหมู่
(อังกฤษ: herd immunity, herd effect, community immunity, population immunity, social immunity) เป็นรูปแบบหนึ่งของการป้องกันการติดต่อของโรคติดเชื้อในประชากร ซึ่งไม่ใช่การป้องกันโดยตรง ที่เกิดขึ้นเมื่อมีสัดส่วนของผู้ที่มีภูมิคุ้มกันมากขึ้นถึงระดับหนึ่ง แล้วจะทำให้ผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันโรคนั้นๆ ในประชากรดังกล่าวได้รับการป้องกันจากการติดโรคไปด้วย เนื่องจากเมื่อมีผู้ติดเชื้อเข้ามาในประชากรนี้ โอกาสเกิดการติดเชื้อต่อไปเรื่อยๆ จนไปถึงคนที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน จะเกิดขึ้นได้ยาก หรืออาจเกิดขึ้นไม่ได้เลย ยิ่งมีสัดส่วนของผู้มีภูมิคุ้มกันในประชากรมากเท่าไร โอกาสที่ผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันจะได้เจอกับผู้เป็นโรค ก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น
การเกิดภูมิคุ้มกันของคนคนหนึ่งอาจเกิดจากการเคยติดโรคมาก่อนแล้วหายจากโรคนั้น หรืออาจเป็นภูมิคุ้มกันที่ได้รับการเสริมขึ้น เช่น จากการรับวัคซีนคนบางคนไม่สามารถจะสร้างภูมิคุ้มกันของตัวเองขึ้นได้จากโรคบางอย่าง เช่น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือผู้ป่วยโรคมะเร็ง คนกลุ่มนี้มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องอาศัยผลของภูมิคุ้มกันหมู่ในประชากรที่อาศัย เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อโรคเหล่านี้
2.ปิดประเทศ
ปิดประเทศทั้งหมด14-21วันก็น่าจะดีนะครับ แต่มีคำถามว่าถ้านอกประเทศเราเขายังระบาดกันอีกนานและไม่มีวัคซีนป้องกันที่ใช้ได้กันทั้งโลก ข่าวการทดลองในสหรัฐอเมริกา ในจีน ในเยอรมนีนั้น อย่าลืมว่ากว่าจะผลิตใช้ได้จริงจังให้พอต้องใช้เวลา12-18เดือน และแน่นอนสุด ถ้าผลิตวัคซีนได้ สหรัฐอเมริกา จีน เยอรมันนี คงให้คนของเขาก่อน กว่าประเทศไทยจะได้รับอานิสงส์ คงประมาณ +12-18เดือน. เราจะยอมปิดประเทศไทยนานได้เท่านั้นมั้ยเพราะถ้าปิดแล้วเปิดเพื่อรับนักท่องเที่ยวเพื่อติดต่อค้าขาย. เปิดปุ๊บก็ติดโรคปั๊บทันที ใครจะเรียกร้องปิดประเทศนั้น ต้องยอมรับเรื่องนี้ให้ได้. ส่วนตัวผม พอยอมรับได้ครับ เพราะเตรียมตัวพึ่งตรเองตามเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่9แล้ว. ถามว่าคนไทยทุกคนพร้อมมั้ย ทั้งภาคการท่องเที่ยว การโรงแรมและภาคธุรกิจอุตสาหกรรม smesฯลฯ
3. การเว้นระยะห่างทางสังคม
คือการสร้างระยะห่างระหว่างตัวเราเองกับคนอื่น ๆ ในสังคม รวมถึงการลดการออกไปทำกิจรรมนอกบ้านโดยไม่จำเป็น หลีกเลี่ยงการใช้บริการขนส่งสาธารณะ การไม่เข้าร่วมกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น และการทำงานอยู่ที่บ้าน ทั้งนี้ ทุกๆ การลดจำนวนการติดต่อระหว่างคนต่อวัน ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อระหว่างญาติพี่น้อง เพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือที่สถาบันการศึกษา จะช่วยลดการแพร่เชื้อไวรัสในสังคมเป็นอย่างมาการเว้นระยะห่างทางสังคม” คือการสร้างระยะห่างระหว่างตัวเราเองกับคนอื่น ๆ ในสังคม รวมถึงการลดการออกไปทำกิจรรมนอกบ้านโดยไม่จำเป็น หลีกเลี่ยงการใช้บริการขนส่งสาธารณะ การไม่เข้าร่วมกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น และการทำงานอยู่ที่บ้าน ทั้งนี้ ทุกๆ การลดจำนวนการติดต่อระหว่างคนต่อวัน ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อระหว่างญาติพี่น้อง เพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือที่สถาบันการศึกษา จะช่วยลดการแพร่เชื้อไวรัสในสังคมเป็นอย่างมาก
4. ปิดตัวเอง
เบื้องต้นทุกคนสามารถป้องกันตัวเองและคนรอบข้างให้ห่างไกลจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้ดังนี้
– เลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล เหนื่อยหอบ เจ็บคอ
– เลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะเมืองอู่ฮั่นที่เป็นรังโรค และเมืองอื่น ๆ ในประเทศจีนที่มีการระบาด
– ระวังการสัมผัสพื้นผิวที่ไม่สะอาด และอาจมีเชื้อโรคเกาะอยู่
– ควรล้างมือให้สม่ำเสมอด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลอย่างน้อย 20 วินาที
– งดจับตา จมูก ปากขณะที่ไม่ได้ล้างมือ
– เลี่ยงการใกล้ชิด สัมผัสสัตว์ต่าง ๆ โดยที่ไม่มีการป้องกัน
– ทานอาหารสุก สะอาด ใช้ช้อนกลาง ไม่ทานอาหารที่ทำจากสัตว์หายาก
– สำหรับบุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยตรง ควรใส่หน้ากากอนามัย หรือใส่แว่นตานิรภัย เพื่อป้องกันเชื้อในละอองฝอยจากเสมหะหรือสารคัดหลั่งเข้าตา
สุดท้ายขอฝากไว้ว่า อย่าตื่นตระหนกจนเกินไป และอย่าลืมติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ควรตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดก่อนจะเชื่อในทันที
หมายเหตุ : อ.พญ.รพีพรรณ รัตนวงศ์นรา มอร์ด สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
5. เพิ่มภูมิต้านทานให้ตัวเอง
เราจะป้องกันเชื้อโรคร้ายที่จะทำลายภูมิคุ้มกับของร่างกายเราได้อย่างไร
ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 – 4 วัน เพื่อช่วยเพิ่มเซลล์เม็ดเลือดขาวในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมในร่างกายได้
ดื่มน้ำเปล่าที่สะอาด ประมาณ 8-10 แก้ว ต่อวัน เพราะน้ำจะช่วยปรับสมดุลของอุณหภูมิในร่างกาย และน้ำยังช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกายได้
การรับประทานอาหารให้หลากหลายชนิด ในปริมาณที่เหมาะสม ควรได้รับอาหารประเภทผักและผลไม้เป็นประจำและเพิ่มอาหารที่มีโปรตีนสูง หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกฮอล์ และ น้ำตาลสูง
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6 – 9 ชั่วโมง ระหว่างการนอนหลับร่างกายจะมีการซ่อมแซมอวัยวะต่างๆ การพักผ่อนให้เพียงพอ ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและช่วยสร้างภูมิคุ้มกันได้
งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ การสูบบุหรี่และการได้รับควันบุหรี่ สามารถก่อให้เกิดโรคร้ายแรงหลายๆโรค ได้แก่ โรคเกี่ยวกับปอด มะเร็ง ไอเรื้อรัง และทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายลดลง
ออกไปรับแสงแดดบ้าง ในแสงแดดมี Vitamin D ที่ความจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ
“กินร้อน ช้อนเรา ล้างมือ” เป็นการดูแลสุขอนามัยของตนเอง เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรคไปยังคนอื่นได้ และยังช่วยลดโอกาสการติดเชื้อได้ถึงร้อยละ 50
สวมใส่หน้ากากอนามัย หากต้องเดินทางออกนอกบ้าน ควรหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด หรือ สถานที่ที่มีมลภาวะ สถานที่ที่ค้าสัตว์ที่มีชีวิต และไม่ควรอยู่ใกล้ผู้ป่วยไอ จาม